Knives Out (2019) เริ่มฉายรอบพิเศษ 5 ธันวาคมนี้
• ครึ่งแรกชวนให้สงสัยมากว่าหนังมันมีอะไรให้ว้าวด้วยเหรอ แต่พอเข้าครึ่งหลังเท่านั้นแหละ หนังคนละม้วนเลย ความเคารพต่อสไตล์ของอกาธา คริสตี้ ถูกยกระดับด้วยชั้นเชิงสดใหม่ที่ต้องยกนิ้วให้
• สำหรับคอหนังสืบสวนแนว whodunit ไม่ควรพลาดจริง ๆ หนังไม่ได้ขายพล็อตฆาตกรรมสุดเหนือชั้นจนเกินจริง แต่สร้างเรื่องผิดแผนที่มีศีลธรรมในตัวมนุษย์เข้ามาช่วยให้เรื่องพลิกผัน
• ถึงเราจะบอกว่าพล็อตฆาตกรรมไม่ได้เหนือชั้น แต่การเขียนบทนี่เข้าขั้นฉลาดล้ำเลย มันเล่าแบบตรงไปตรงมา ไม่ได้โกงคนดู ค่อย ๆ เสริมรายละเอียด แล้วอัดรวดเดียวหมดแม็กจนภาพรวมครบถ้วนสมบูรณ์ในตอนจบตามแบบฉบับหนังนักสืบ
• เอาเป็นว่าอย่าเผลอไปโดนสปอยล์ก่อนละกัน หากสุดวิสัยโดนสปอยล์ไปเรียบร้อย ขอปลอบใจเบา ๆ ว่าไปสนุกกับแผนการแทนละกันนะ
• จะว่าไปแล้วปีนี้มีหนังแสดงความเคารพต่อ อกาธา คริสตี้ ถึงสองเรื่อง คือเรื่องนี้และ Murder Mystery ที่อดัม แซนด์เลอร์ แสดงนำ
-------------------------------------
เขียนรีวิวยากมากเพราะแตะต้องไหนก็กลัวคนอ่านเสียอรรถรสในการดู ฉะนั้นใครไม่อยากรู้อะไรเลยก็อ่านเฉพาะข้างบนพอ ข้างล่างนี้ถึงจะไม่สปอยล์คนร้ายและแรงจูงใจ แต่จะเขียนถึงรายละเอียดในหนังระดับหนึ่ง
.
.
.
สำหรับเราแล้วเวลานึกถึงอกาธา คริสตี้ ลายเซ็นอยู่ไม่กี่อย่างที่แวบเข้าในหัวเป็นลำดับแรก ๆ คือ คดีฆาตกรรมที่มีผู้ต้องสงสัยหลายคนอยู่ในสถานที่เดียวกันหมด, ทุกคนล้วนมีแรงจูงใจหรือความอาฆาตต่อเหยื่อ, มีนักสืบเป็นคนนอก, จุดพลิกผันไปมาแล้วปิดด้วยการเฉลยตูมเดียว (Death on the Nile, Murder on the Orient Express, And Then There Were None) ซึ่งถ้าตัดเรื่องการรวมผู้ต้องสงสัยในสถานที่เดียวเช่น คฤหาสน์/รถไฟ/เรือสำราญ/เกาะปิดตาย ส่วนที่เหลือก็เป็นเรื่องปกติสำหรับหนังสืบสวนสมัยใหม่ไปหมดแล้ว ดังนั้นการที่ไรอัน จอห์นสัน ดึงเสน่ห์ของคดีฆาตกรรมในวันรวมญาติที่มีความขัดแย้งในครอบครัว กลับมาสร้างความหฤหรรษ์ให้คนดูได้บันเทิงกับบทบาทนักสืบเพียว ๆ ไม่ต้องขายฉากแอ็คชั่นก็เป็นเรื่องน่าชื่นชมมาก ๆ ที่เขียนบทได้คมกริบเช่นนี้
.
ส่วนหนึ่งที่เราชอบหนังมาก ๆ คือมันไม่พยายามทำตัวเหนือชั้นหรือสร้างแผนการล้ำหลุดโลกจนเกินไป เขียนถึงก็กลัวสปอยล์เพราะเรามองว่าไรอัน จอห์นสัน เล่นกับความคุ้นเคยของคนดูที่มีต่อหนังแนวนี้ในครึ่งแรก แล้วค่อย ๆ บิดจนเป็นสไตล์นักสืบปัวโรต์ของตัวเอง ตอนดูครึ่งแรกเราก็แอบคิดอยู่ว่ามันจะเล่นง่ายแบบนี้จริงเหรอ จะกลายเป็นการเฉลยxxx แล้วไปเล่าในส่วนของนักสืบว่าจะหาวิธีมาเอาผิดอย่างไร แต่ที่ไหนได้พอเข้าครึ่งหลังปุ๊บ เขามีกลเม็ดในการเขียนบทเล่าว่าที่เฉลยxxx นั้นยังไม่สมบูรณ์เต็ม 100% แล้วลูกล่อที่นำมาใช้ก็คือความหน้าเนื้อใจเสือของบรรดาคนในครอบครัว ตอนแรกก็ทำดีด้วย พอเกมพลิกก็เผยธาตุแท้ และมีลูกหลอกด้วยแผนที่ต้องแก้เกมตลอดเวลาเหมือนในกระดานหมากล้อม
.
อีกอย่างคือหนังกล้าที่จะสร้างข้อจำกัดให้ตัวเองและนำมาใช้ประโยชน์ได้คุ้มค่าสุด ๆ คือบทพยาบาลดูแลผู้ตาย ที่รับบทโดย อนา เดอ อาร์มาส เป็นตัวละครที่ไม่สามารถพูดโกหกได้ เพราะถ้าเธอโกหกเมื่อไรจะอ้วกทันที เราจึงได้เห็นการยิงคำถามใส่ชนิดที่ว่ายังไงก็จะได้ความจริงจากปากเธอเสมอ นอกจากนี้บทของเธอยังถูกใช้เป็นตัวแทนของผู้อพยพ ที่ครอบครัวคนรวยมีทัศนคติต่อเธอแตกต่างกันไป บางคนรับไม่ได้เลยที่มีผู้อพยพเข้ามาหาโอกาสในอเมริกาแบบผิดกฎหมาย บางคนเข้าใจได้ว่าเข้ามาหาความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ขณะเดียวกันมันก็ทำให้เห็นว่าสถานะคนเข้าเมืองแบบผิดกฎหมายสามารถถูกคนอเมริกันใช้เป็นเครื่องมือเอาเปรียบได้อีก
.
สุดท้ายนี้อยากจะบอกว่าถ้าเป็นคอหนังสืบสวน คอหนังแนว whodunit มันไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องพลาดเลยสักข้อเดียว โดยเฉพาะตอนนักสืบเฉลยเรื่องราวทั้งหมดเป็นขั้นเป็นตอนนี่ห้ามกระพริบตาจริง ๆ
Director: Rian Johnson (ผู้กำกับ Looper, The Brothers Bloom)
screenplay: Rian Johnson
Genre: crime, drama, mystery, thriller
8/10